วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning Log (นอกห้องเรียน) (ครั้งที่ 2)

Learning Log (นอกห้องเรียน)
18/08/58
(ครั้งที่ 2)
               
ในภาษาอังกฤษมีทักษะการเรียนรู้ที่สำคัญ 4 อย่างด้วยกันคือ ทักษะการฟัง ทักษะพูด ทักษะการอ่าน และทักษะการเขียน ทักษะแต่ละทักษะมีความสำคัญเท่าเทียมกันและมีความสำคัญในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก หากนักเรียนหรือนักศึกษาคนใดที่มีทักษะทั้ง 4 ทักษะครบถ้วนสมบูรณ์ ผู้นั้นจะเป็นผู้ที่สามารถเข้าใจและเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้อย่างลึกซึ้ง และแท้จริงทักษะทั้ง 4 ทักษะโดยแต่ละทักษะสามารถที่จะทำให้เราเข้าใจในภาษาอังกฤษได้ และสามารถเข้าใจในเรื่องราวหรือเข้าใจในการสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วไม่ติดขัด สามารถเรียนรู้ภาษาได้ง่าย การฟังเป็นทักษะหนึ่งที่มีความสำคัญมาก การฟังเป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้สิ่งต่างๆให้เข้าใจ ได้เรียนรู้สำเนียง ได้เข้าใจการใช้ไวยากรณ์ในประโยค หลายๆคนประสบปัญหาในทักษะด้านการฟัง แต่ใช่ว่าการฟังนั้นเราจะไม่สามารถฝึกฝนได้หรือพัฒนาการฟังได้ ทุกคนสามารถพัฒนาได้กันทั้งสิ้น แค่เพียงต้องใช้ระยะเวลา ความพยายาม ความอดทน ที่สำคัญคือการเปิดใจ ใจเป็นสิ่งสำคัญในการเปิดรับสิ่งต่างๆแต่ทักษะการฟังนั้นไม่สามารถพัฒนาขึ้นในชั่วข้ามคืนได้ ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง นอกจากการฝึกฝนแล้วยังมีกิจกรรมอีกหลายอย่างอาทิ เช่น การดูหนัง การฟังเพลง การฟังบทความหรือนิทานที่เป็นภาษาอังกฤษ การฟังสิ่งเหล่านี้ก็สามารถทำให้เราพัฒนาศักยภาพในเรื่องของทักษะการฟัง เนื้อหาและการเรียนรู้สำเนียงต่างๆหากเราสามารถฟังได้อย่างเข้าใจและสามารถพูดได้ก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จ แต่ถ้าหากใครที่ฟังไปและไม่ยังไม่สามารถเข้าใจหรือฟังไม่ออก พยายามในการฟังครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะการฝึกทักษะนั้นต้องมีความอดทนและปฏิบัติหลายๆครั้งอย่างต่อเนื่อง นอกจากการทำกิจกรรมแล้วสิ่งที่ทำให้เราสามารถเข้าใจและฝึกทักษะการฟังได้ดีนั้น คือ เทคนิคหรือเคล็ดลับในการฝึกฟังภาษาอังกฤษ
                เคล็ดลับในการฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษให้เข้าใจนั้นและสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้มีหลากหลายวิธีด้วยกัน ซึ่งแต่ละวิธีสามารถทำให้เราพัฒนาทักษะทางด้านการฟังได้มากยิ่งขึ้น โดยขั้นตอนการฝึกฝนนั้นมี 9 ขั้นตอนด้วยกัน 1.ฟังรอบแรกรวดเดียวจบโดยไม่ดูบทความที่แนบมากับคลิปเสียง สูดหายใจลึกๆ หามุมที่นั่งสบายๆผ่อนคลาย ไม่ต้องกังวลว่าจะฟังไม่รู้เรื่อง เป็นการฟังครั้งแรกเพื่อให้หูได้รับรู้และฟังการออกเสียงครั้งแรก 2.ฟังซ้ำอีกครั้งเพื่อเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากการฟังครั้งแรกหรือจะฟังอีกกี่ครั้งก็ได้เพื่อให้ชินกับเสียงที่ฟัง 3. ฟังและหยุดคลิปทุกๆ 5 วินาทีในขณะที่หยุดนั้นให้เขียนคำหรือวลีอะไรก็ได้ที่ได้ยินหรือที่เราฟังออก เขียนออกมาให้ได้มากที่สุดทำต่อไปจนจบทั้งคลิป เมื่อฟังจบทั้งคลิปแล้วลองอ่านโน๊ตย่อๆที่เราเขียนดูว่าเราพอจะจับคอนเซปต์ในเนื้อหาได้หรือไม่ว่านคลิปกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ในการฝึกนั้นขั้นเบื้องต้นเราไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกคำพูด แค่พอเข้าใจคร่าวๆว่าเนื้อหาของคลิปพูดว่าอะไร เป็นการเดาคำศัพท์ที่เราฟังว่าเราเดาคำศัพท์หรือฟังคำศัพท์นั้นถูกต้องหรือไม่ 4. ทำซ้ำแบบเดิมกับข้อ 3 แต่พยายามเติมคำศัพท์ลงไปให้มากขึ้นและแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆจากการเขียนครั้งแรก 5.พยายามเขียนเรียบเรียงคำที่ได้ให้เป็นประโยค ลองใช้ความรู้ด้านไวยากรณ์ปะติดปะต่อคำและวลีต่างๆเข้าด้วยกัน ยิ่งหากเรียบเรียงเป็นเรื่องราวได้ยิ่งดี 6. เก็บโน๊ตย่อชิ้นแรกออกไป เริ่มฟังคลิปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ให้หยุดคลิปทุกๆ 10 วินาที แล้วเขียนสิ่งได้ยินออกมาเหมือนเดิมอีกครั้ง จากนั้นลองนำมาเปรียบเทียบกับใบโน็ตย่อชิ้นเก่าดู 7. ฟังคลิปเสียงอีกครั้ง โดยอ่านโน้ตย่อของตนเองตามไปด้วย 8. เปรียบเทียบโน้ตย่อกับบทความจริงที่ถูกต้อง ถ้าพบว่ามีคำผิดเยอะต้องลองวิเคราะห์ดูว่าปัญหาในการฟังของเราเกิดจากอะไร บางคนอาจจะฟังไม่รู้เรื่องเพราะออกเสียงไม่ถูกต้อง ไม่รู้จักคำศัพท์ หรือมีปัญหากับเสียงหนัก เสียงเบา การเชื่อมคำ การรวบประโยค ก็ต้องลองแก้ปัญหาเป็นจุดๆไป 9. ฟังคลิปเสียงอีกครั้งไปพร้อมๆกับอ่านบทความจริงที่ถูกต้องเพื่อเช็คว่าตรงส่วนไหนบ้างที่คุณพลาดไป จากนั้นลองกลับไปฟังรอบสุดท้ายแบบไม่อ่านโน๊ตและบทความเลย ซึ่งพอถึงขั้นตอนนี้เราควรจะเข้าใจในเรื่องราวในนั้นมากขึ้น ส่วนในการเลือกคลิปนั้นถ้าเป็นเรื่องที่เราสนใจจะยิ่งกระตุ้นให้เราอยากฝึกฝนมากยิ่งขึ้นค่ะ การฝึกฝนของแต่ละคนนั้นจะใช้เวลาที่ต่างกันในการทำความเข้าใจและพัฒนาในด้านทักษะการฟัง เพราะการที่เราจะฟังได้ดีนั้นจุดเริ่มต้นจากการเริ่มจากการฟังสิ่งที่เราชอบ เข้าใจง่าย เหมาะต่อการเรียนรู้จะทำให้เราสนใจและเรียนรู้ได้เร็วขึ้น

                การฝึกทักษะการฟังนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ยากหากเราพร้อมที่จะเรียนรู้และเปิดรับมัน การฟังนั้นเป็นสิ่งที่สามารถทำให้เราสามารถพัฒนาศักยภาพสิ่งอื่นๆได้อีกด้วย ทักษะการฟังเป็นสิ่งสำคัญมากทั้งในการเรียนภาษาอังกฤษ การทำงาน และเป็นทักษะที่มีบทบาทมากในด้านของการสื่อสารกับชาวต่างชาติ หากการฟังของเราไม่แข็งแรงก็อาจจะมีความผิดพลาดและไม่เข้าใจในการสื่อสาร ทักษะการฟังไม่สามารถพัฒนาขึ้นในชั่วข้ามคืนได้ มันต้องใช้เวลาในการฝึกฝน ทำซ้ำอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ฟังแต่ละครั้งไม่กี่นาที แต่จำเป็นต้องเน้นการฝึกฝนบ่อยๆ จะได้ผลดีกว่าการฟังครั้งหนึ่งเป็นชั่วโมงแต่ฝึกแค่สัปดาห์ละครั้ง หากรู้สึกว่าเรามีทักษะที่พัฒนาขึ้นแล้ว ระหว่างฟังเราสามารถฝึกพูดได้ด้วย การพูดจะทำให้เราโฟกัสกับสิ่งที่ฟังมากขึ้น และเป็นการรีเช็คให้มั่นใจว่าสิ่งที่เราได้ยินนั้นถูกต้องมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งระยะในการพัฒนาการฝึกทักษะทางด้านการฟังของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน บางคนอาจใช้เวลานานเป็นเดือน หรือบางคนอาจต้องใช้เวลาเป็นปี ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของผู้ศึกษา การเขียนภาษาไม่มีทางลัด การฝึกฝนเท่านั้นจะสามารถที่จะทำให้เราพัฒนาและทำให้เราเก่งขึ้นได้ หากเรามีทักษะการฟังที่ดีแล้ว การศึกษาเล่าเรียน การทำงาน หรือการสื่อสารกับชาวต่างชาติก็ไม่ยากเกินความสามารถค่ะ การที่เรามีทักษะการฟังมี่ดีนั้นเป็นสิ่งที่ง่ายต่อการเรียนรู้สิ่งรอบๆตัว การสื่อสารในชีวิตประจำวันนั้น ทักษะการฟังนับว่าเป็นทักษะรับสารที่สำคัญอย่างหนึ่ง เป็นทักษะที่ใช้กันมาก เป็นทักษะแรกที่ต้องทำการสอน เพราะการที่เราจะพูดนั้นเราต้องเข้าใจก่อนจึงสามารถพูดโต้ตอบ อ่านหรือเขียนได้ ทักษะการฟังจึงเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญในการเรียนรู้ทักษะอื่นๆ ดังนั้น ในการเรียนการสอนนักเรียนจึงควรไดรับการฝึกฝนทักษะการฟังอย่างเพียงพอและจริงจัง ทักษะการฟังภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องฝึกฝนให้ผู้เรียนเกิดความชำนาญและมีความสามารถในการฟังอย่างเข้าใจในสารที่ได้รับฟัง การฝึกทักษะการฟังนั้นเราควรมีความรู้และเทคนิคต่างๆในการฝึกฝน เราจึงจะสามารถประสบความสำเร็จและมีทักษะการฟังที่ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น