Learning Log (ในห้องเรียน)
11/08/58
(ครั้งที่2)
การเรียนวิชาภาษาอังกฤษนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักศึกษาทุกคน
โดยเฉพาะนักศึกษาที่จะออกไปเป็นต้นแบบของประเทศ คือนักศึกษาที่ศึกษาคณะครุศาสตร์
เพราะครูคือผู้ขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนาไปสู่ในทางที่ดี การเรียนวิชาภาษาอังกฤษนั้นนักเรียนต้องมีความพยายาม
ความอดทนในการฝึกฝน
หลักการศึกษาวิชาภาษาอังกฤษนั้นไม่มีสูตรตายตัว
เพราะการจะทำให้สำเร็จศึกษาทางภาษานั้น ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจ การฝึกฝนทบทวนบ่อยๆ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่2 ที่เด็กไทยหรือนักศึกษาสามมารถที่จะอ่านออกเขียนได้ และพูดคล่อง
แต่ปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของเด็กไทยที่ไม่สามารถ อ่าน
เขียนและพูดภาษาอังกฤษได้
ซึ่งบ่งบอกถึงการเรียนรู้ของเด็กที่ไม่สามารถนำความรู้ที่เรียนมาใช้ในห้องเรียนได้
จึงเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมที่ทำให้แต่ละโรงเรียนแต่ละสถาบันต้องปรับปรุงเปลี่ยนโครงสร้างหรือหลักสูตรใหม่
โดยการเรียนรู้ในปัจจุบันนั้นนอกจากครูผู้สอนให้ความรู้ในห้องเรียนแล้ว
ครูผู้สอนยังให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากนอกห้องเรียนเป็นส่วนใหญ่
โดยทั้งสองอย่างนี้ทำให้เด็กได้ความรู้และทักษะไปในตัวด้วย
การเรียนในห้องเรียนนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่ครูผู้สอนต้องมอบความรู้และข้อมูลให้กับนักเรียนอย่างเต็มที่
ครูบอกทฤษฎี ความหมายและวิธีการต่างๆ
นักเรียนหรือนักศึกษาสามารถเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นแนวทางในการรู้นอกห้องเรียนได้
การเรียนรู้ในห้องเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากเพราะครูและเด็กสามารถแลกเปลี่ยนความรู้
ข้อมูลของตนเองและเพื่อนๆในห้องเรียนได้
เพราะการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันเราสามารถนำของคนอื่นมาดัดแปลงเป็นแนวทางให้กับงานของเราได้
การเรียนในห้องนั้นส่วนใหญ่จะเน้นทฤษฎีมากกว่าทักษะ เพราะทฤษฎีเป็นหลักการที่เราต้องเรียนรู้และเข้าใจกับเนื้อหาแต่ละวิชา
โดยการเรียนในห้องเรียนนักเรียนและนักศึกษาควรเก็บรายละเอียดจากอาจารย์ผู้สอนให้ได้มากที่สุด
ถึงแม้แบบการเรียนของผู้เรียน(Learning style)และแบบการสอนของครู (Teaching style)
มีความแตกต่างกัน แต่ทุกคนก็สามารถเข้าใจในเนื้อหาได้อย่างชัดเจน
การเรียนนอกห้องเรียนนั้น
ก็เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้เด็กได้ฝึกฝน ทักษะการเรียนรู้ต่างๆ
การเยนรู้นอกห้องเรียนนั้นคือ การเรียนรู้ด้วยตนเอง
เป็นการทดสอบตัวเองว่าความอ่อนในทักษะด้านไหน
และเราสามารถเติมเต็มความรู้ทักษะด้านนั้นได้ตรงจุดและเต็มที่ด้วยตนเองได้
การเรียนรู้นอกชั้นเรียนนั้น มี2 ประเภท คือ การฝึกทักษะและการฝึกเนื้อหา โดยการฝึกทักษะนั้น มี 4 ทักษะด้วยกัน การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน
โดยนักเรียนแต่ละคนจะมีความถนัดที่ต่างกัน บางคนถนัดการการฟัง บางคนไม่ถนัดการพูด
ในการเรียนนอกห้องเรียนนี้นักศึกษาสามารถฝึกฝนและสามารถพัฒนาตนเองด้วยสื่อต่างๆ
อาทิเช่น จากสื่ออินเทอร์เน็ต หนังสือจากห้องสมุด
เป็นการเติมเต็มสิ่งที่เราไม่ถนัดให้เราถนัดมากยิ่งขึ้น
ส่วนการฝึกในด้านเยื้อหานั้น นอกจากสิ่งที่เราเรียนในห้องเรียนแล้ว
สิ่งที่เราอยากรู้เพิ่งเติมเราก็สามารถหาแหล่งเรียนรู้มาเป็นความรู้เพิ่มเติมจากในห้องเรียนได้
การเรียนรู้นั้นไม่ว่าจะเป็นนอกหรือในห้องเรียนก็ตามต่างก็มรความสำคัญเหมือนกัน
ทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาความรู้ความสามารถของผู้เรียนให้มีความรู้
และสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเอง ส่วนใหญ่เด็กในปัจจุบันที่เด็กภาษาอังกฤษ
นอกจากที่เราจะเรียนในห้องเรียนแล้ว เรายังมีการฝึกฝนหลังจากการเรียน
โดยการเรียนนอกห้องเรียน นอกจากานี้เด็กจะต้องมีการเรียนรู้ด้วยตนเอง
สามารถที่จะนำความรู้มาวิเคราะห์และสรุปได้
และนักเรียนสามารถรู้จุดด้อยของตนเอง เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงความรู้
ซึ่งการที่เราจะประสบความสำเร็จนั้น เราควรมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน
มีการจัดตารางเวลาอย่างเป็นระบบ
รวมไปถึงเราต้องมีความอดทนและมีความเป็นระเบียบวินัยต่อตนเอง
และเราจะสามารถที่จะฝึกฝนและความรู้ความเข้าใจในภาษาอย่างง่ายดาย และเราสามารถที่จะเข้าใจเนื้อหาทุกรายละเอียด
การเรียนรู้ด้วยตนเองนั้นเป็นการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง
หากยิ่งเราอ่านเยอะเราก็จะได้ความรู้เยอะ แต่หากเรามีจินตนาการในด้านความรู้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีขึ้นไปอีก
เพราะจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะชอบรูปแบบการเรียนรู้ที่ไม่เหมือนกัน
แต่อย่าลืมไปว่า หากเรามีการวางแผนที่ดีการงานของเราก็จะดีไปด้วย ความรู้ก็เช่นกัน
หากเราทำด้วยใจจริง ตั้งใจทำอย่างจริงจัง ก็จะทำให้เราประสบผลสำเร็จได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น