วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning Log (ในห้องเรียน) (ครั้งที่2)

Learning  Log   (ในห้องเรียน)
11/08/58
(ครั้งที่2)
                การเรียนวิชาภาษาอังกฤษนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักศึกษาทุกคน โดยเฉพาะนักศึกษาที่จะออกไปเป็นต้นแบบของประเทศ คือนักศึกษาที่ศึกษาคณะครุศาสตร์ เพราะครูคือผู้ขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนาไปสู่ในทางที่ดี การเรียนวิชาภาษาอังกฤษนั้นนักเรียนต้องมีความพยายาม ความอดทนในการฝึกฝน   หลักการศึกษาวิชาภาษาอังกฤษนั้นไม่มีสูตรตายตัว เพราะการจะทำให้สำเร็จศึกษาทางภาษานั้น ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจ  การฝึกฝนทบทวนบ่อยๆ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่2 ที่เด็กไทยหรือนักศึกษาสามมารถที่จะอ่านออกเขียนได้ และพูดคล่อง แต่ปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของเด็กไทยที่ไม่สามารถ อ่าน เขียนและพูดภาษาอังกฤษได้ ซึ่งบ่งบอกถึงการเรียนรู้ของเด็กที่ไม่สามารถนำความรู้ที่เรียนมาใช้ในห้องเรียนได้ จึงเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมที่ทำให้แต่ละโรงเรียนแต่ละสถาบันต้องปรับปรุงเปลี่ยนโครงสร้างหรือหลักสูตรใหม่ โดยการเรียนรู้ในปัจจุบันนั้นนอกจากครูผู้สอนให้ความรู้ในห้องเรียนแล้ว ครูผู้สอนยังให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากนอกห้องเรียนเป็นส่วนใหญ่ โดยทั้งสองอย่างนี้ทำให้เด็กได้ความรู้และทักษะไปในตัวด้วย
                การเรียนในห้องเรียนนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่ครูผู้สอนต้องมอบความรู้และข้อมูลให้กับนักเรียนอย่างเต็มที่ ครูบอกทฤษฎี ความหมายและวิธีการต่างๆ นักเรียนหรือนักศึกษาสามารถเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นแนวทางในการรู้นอกห้องเรียนได้ การเรียนรู้ในห้องเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากเพราะครูและเด็กสามารถแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูลของตนเองและเพื่อนๆในห้องเรียนได้ เพราะการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันเราสามารถนำของคนอื่นมาดัดแปลงเป็นแนวทางให้กับงานของเราได้ การเรียนในห้องนั้นส่วนใหญ่จะเน้นทฤษฎีมากกว่าทักษะ เพราะทฤษฎีเป็นหลักการที่เราต้องเรียนรู้และเข้าใจกับเนื้อหาแต่ละวิชา โดยการเรียนในห้องเรียนนักเรียนและนักศึกษาควรเก็บรายละเอียดจากอาจารย์ผู้สอนให้ได้มากที่สุด ถึงแม้แบบการเรียนของผู้เรียน(Learning style)และแบบการสอนของครู (Teaching style) มีความแตกต่างกัน แต่ทุกคนก็สามารถเข้าใจในเนื้อหาได้อย่างชัดเจน
                การเรียนนอกห้องเรียนนั้น ก็เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้เด็กได้ฝึกฝน ทักษะการเรียนรู้ต่างๆ การเยนรู้นอกห้องเรียนนั้นคือ การเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นการทดสอบตัวเองว่าความอ่อนในทักษะด้านไหน  และเราสามารถเติมเต็มความรู้ทักษะด้านนั้นได้ตรงจุดและเต็มที่ด้วยตนเองได้ การเรียนรู้นอกชั้นเรียนนั้น มี2 ประเภท คือ การฝึกทักษะและการฝึกเนื้อหา โดยการฝึกทักษะนั้น มี 4 ทักษะด้วยกัน การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน โดยนักเรียนแต่ละคนจะมีความถนัดที่ต่างกัน บางคนถนัดการการฟัง บางคนไม่ถนัดการพูด ในการเรียนนอกห้องเรียนนี้นักศึกษาสามารถฝึกฝนและสามารถพัฒนาตนเองด้วยสื่อต่างๆ อาทิเช่น จากสื่ออินเทอร์เน็ต หนังสือจากห้องสมุด เป็นการเติมเต็มสิ่งที่เราไม่ถนัดให้เราถนัดมากยิ่งขึ้น ส่วนการฝึกในด้านเยื้อหานั้น นอกจากสิ่งที่เราเรียนในห้องเรียนแล้ว สิ่งที่เราอยากรู้เพิ่งเติมเราก็สามารถหาแหล่งเรียนรู้มาเป็นความรู้เพิ่มเติมจากในห้องเรียนได้

                การเรียนรู้นั้นไม่ว่าจะเป็นนอกหรือในห้องเรียนก็ตามต่างก็มรความสำคัญเหมือนกัน ทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาความรู้ความสามารถของผู้เรียนให้มีความรู้ และสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเอง ส่วนใหญ่เด็กในปัจจุบันที่เด็กภาษาอังกฤษ นอกจากที่เราจะเรียนในห้องเรียนแล้ว เรายังมีการฝึกฝนหลังจากการเรียน โดยการเรียนนอกห้องเรียน นอกจากานี้เด็กจะต้องมีการเรียนรู้ด้วยตนเอง สามารถที่จะนำความรู้มาวิเคราะห์และสรุปได้  และนักเรียนสามารถรู้จุดด้อยของตนเอง เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงความรู้ ซึ่งการที่เราจะประสบความสำเร็จนั้น เราควรมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน มีการจัดตารางเวลาอย่างเป็นระบบ รวมไปถึงเราต้องมีความอดทนและมีความเป็นระเบียบวินัยต่อตนเอง และเราจะสามารถที่จะฝึกฝนและความรู้ความเข้าใจในภาษาอย่างง่ายดาย และเราสามารถที่จะเข้าใจเนื้อหาทุกรายละเอียด  การเรียนรู้ด้วยตนเองนั้นเป็นการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง หากยิ่งเราอ่านเยอะเราก็จะได้ความรู้เยอะ แต่หากเรามีจินตนาการในด้านความรู้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีขึ้นไปอีก เพราะจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะชอบรูปแบบการเรียนรู้ที่ไม่เหมือนกัน แต่อย่าลืมไปว่า หากเรามีการวางแผนที่ดีการงานของเราก็จะดีไปด้วย ความรู้ก็เช่นกัน หากเราทำด้วยใจจริง ตั้งใจทำอย่างจริงจัง ก็จะทำให้เราประสบผลสำเร็จได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น