Leaning Log (นอกห้องเรียน)
15/08/58
(ครั้งที่ 6
)
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สำคัญภาษาหนึ่งในการสื่อสารของโลก
ภาษาอังกฤษสามารถที่จะนำไปสู่การทำงานและการศึกษา
ภาษาอังกฤษมีหลากหลายทักษะในการที่จะให้ผู้เรียนได้ฝึกฝน
ทักษะต่างๆในการเรียนภาษาอังกฤษ การที่เราจะทำงานให้ประสบความสำเร็จได้นั้น
การสื่อสารเป็นสิ่งจำเป็นในการทำงานโดยเฉพาะการฟังเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำงาน
การศึกษาเล่าเรียน
การที่เราฟังภาษาชาวต่างชาติได้เข้าใจและรู้เรื่องนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ได้เปรียบมากกว่าคนอื่นๆ
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามก็สามารถที่จะสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วคนส่วนใหญ่จึงพยายามฝึกฝนการฟังจากผู้คนรอบข้างที่เป็นชาวต่างชาติหรือฟังจากวิทยุหรือเพลงหนังต่างๆโดยการฟังบทสนทนานั้นจะช่วยให้เราสามารถเข้าใจและซึมซับสำเนียงภาษาอังกฤษได้เร็วยิ่งขึ้น
สิ่งเหล่านี้ไม่มีในตำรา ถ้าเราสนใจที่จะฝึกมัน
เพียงแค่เราฝึกฝนและประสบการณ์เท่านั้นที่จะทำให้เราสามารถฟังได้อย่างเข้าใจ
เทคนิคการฟังภาษาอังกฤษให้เก่ง กับคำที่พูดว่า “ทำอย่างไรให้ฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง” โดยสาเหตุที่สำคัญคือ
การที่เด็กไทยไม่มีความพยายามในการเรียนรู้
การฝึกทักษะการฟังจึงเป็นสิ่งที่นักเรียนไม่ชอบ
การฟังจึงเป็นทักษะแรกเริ่มที่สามารถพัฒนาได้อย่างไม่จำกัดโดยเฉพาะดิฉันมีความบกพร่องเป็นอย่างมากในการฝึกทักษะการฟัง
ดิฉันจึงพยายามที่จะฝึกฝนหลายๆอย่างต่างๆนานา
เพื่อพยายามฝึกฝนให้ตนเองโดยการเริ่มจากการเปิดใจ
การพร้อมที่จะรับสิ่งใหม่ๆเข้ามาฝึกฝน ดิฉันพยายามเรียนรู้และพยายามฝึกฝน
โดยในขณะที่ดิฉันพยายามฝึกฝนและเรียนรู้
ดิฉันสามารถฟังได้ในระดับหนึ่งแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ถือว่าดี
สำหรับการที่เราจะฝึกทักษะการฟังให้ดีนั้น
ดิฉันมีเทคนิคในการฟังเพราะการที่เราจะเก่งภาษาอังกฤษได้เราต้องฟังอย่างเข้าใจ
และอย่างต่อเนื่องซึ่งการฟังอย่างเข้าใจและอย่างต่อเนื่องนั้นสามารถทำให้เราเป็นผู้ฟังที่สามารถทำให้เราเป็นผู้ฟังสามารถเข้าใจเนื้อหาอย่างง่ายดาย
คือ เทคนิคการฟังอย่างเข้าใจ และเทคนิคการฟัง 3 มิติ
เทคนิคการฟังอย่างเข้าใจนั้น
เป็นการฝึกทักษะภาษาอังกฤษในด้านการฟังที่จะทำให้เราสามารถเข้าใจชาวต่างชาติในการสนทนาหรือการสื่อสารได้
โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1.
ฟังเนื้อหารอบแรกรวดเดียวจบโดยไม่ดูบทสนทนาที่แนบมากับคลิปเสียง
พยายามตั้งใจฟังทำสมองให้โล่งไม่ต้องกังวลว่าจะฟังไม่รู้เรื่องพยายามตั้งใจฟังอย่างเงียบ
2. ฟังซ้ำอีกครั้งเพื่อเก็บรายละเอียดเพิ่มเติม
อาจจะฟังออกบ้างบางตัวหรือบางตัวบางคำยังฟังไม่ออกเลย
แต่ยังคงฟังต่อไปจนจบและฟังอย่างเงียบๆ หายใจเข้าลึกๆสมองโปร่ง 3. ฟังและหยุดคลิปทุกๆ5นาที
ขณะที่หยุดนั้นให้เขียนคำหรือวลีอะไรก็ได้ที่ได้บินออกมาให้ได้มากที่สุด
เพื่อฟังจบทั้งหมดคลิปลองอ่านโน้ตย่อๆ
และลองจับประเด็นดูว่าคลิปนี้พูดถึงเรื่องอะไร และลองจับประเด็นดูว่าคลิปนี้พูดถึงเรื่องอะไร
4. ทำซ้ำแบบเดิมกับข้อ3 แต่พยายามเติมคำศัพท์ลงไปให้มากขึ้นกว่ารอบที่แล้ว
และแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ จากการเขียนครั้งแรก 5.
เขียนเรียบเรียงข้อมูลให้เป็นประโยคลองใช้ความรู้ด้านไวยากรณ์ปะติดปะต่อและวลีต่างๆเข้าด้วยกัน
6. เก็บโน้ตย่อชิ้นแรกออกไปเริ่มฟังคลิปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ให้หยุดคลิปทุกๆ 10
วินาทีแล้วเขียนสิ่งที่ได้ยินออกมาเหมือนเดิมจากนั้นลองนำมาเปรียบเทียบกับโน้ตย่อชิ้นเก่าดู
7. ฟังคลิปเสียงอีกครั้งโดยอ่านโน้ตย่อของตัวเองไปด้วย 8.
เปรียบเทียบโน้ตย่อกับบทความจริงที่ถูกต้อง ถ้าพบว่ามีคำผิดเยอะ
ต้องลองวิเคราะห์ดูว่าปัญหาของเราเกิดจากอะไร บางคนออกเสียงไม่ถูก
บางคนไม่รู้คำศัพท์ และแก้ปัญหาให้ตรงจุด 9. ฟังคลิปอีกครั้งไปพร้อมๆกับการอ่านบทความที่ถูกต้องเพื่อเช็คว่าตรงส่วนไหนบ้างที่คุณพลาดไป
จากนั้นลองกลับไปฟังรอบสุดท้ายแบบไม่อ่านโน้ตและบทความเลย
ซึ่งพอถึงขั้นตอนนี้คุฯจะเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น
การฟังนั้นหากเราสามารถเข้าใจและฟังอย่างถูกต้อง จะทำให้เราสนุกกับการฟังมากขึ้น
เช่นการฟังเพลง การฟังข่าว ซึ่งการฟังนั้นมีหลากหลายมิติที่เป็นจุดประสงค์ในการฟัง
เพื่อสามารถทำให้เราสามารถแยกแยะการฟังได้ถูกต้องง
เทคนิคการฟัง 3 มิติ
เป็นการฟังที่บ่งบอกถึงจุดประสงค์การฟังในด้านต่างๆ
เพื่อเป็นการรับรู้ข่าวสารเนื้อหาต่างๆ มาใช้ในการประมวลตัดสินใจในเรื่องราวต่างๆ
โดยมีเนื้อหาดังนี้ มิติที่1. การฟังเพื่อรับรู้เนื้อหา หรือคำพูดที่ผู้พูดออกมา
เป็นคำบรรยาย ข้อเท็จจริง หรือเนื้อหาอะไรก็ตามที่เอ่ยออกมาพูดเร็วหรือช้า
มีเหตุผลหรือกระโดดไปมา
โดยทั่วไปเรามักจะฟังได้เนื้อหาหรือเข้าใจว่าคำที่พูดบอกเราคืออะไร มิติที่2.
การฟังเพื่อรับรู้ความรู้สึก อะไรคือความรู้สึกเบื้องหลังคำพูดเหล่านั้น
ตอนนี้ผู้พูดรู้สึกอย่างไร เขาและเธอรู้สึกอย่างไรต่อเรื่องที่เล่า
การวังเกตภาษาที่ไม่ใช่คำพูดก็จะช่วยได้มาก
ในบางกรณีความรู้สึกของผู้พูดอาจแสดงไม่เด่นชัดแบบนี้
เราผู้ฟังยิ่งต้องเปิดใจรับฟังให้ลึกซึ่งเข้าไปอีก หรือสังเกตพฤติกรรมต่างๆ
อย่างละเอียดมากขึ้น มิติที่ 3. การฟังเพื่อรับรู้ความตั้งใจ หมายถึง
ที่จริงแล้วผู้พูดมีความตั้งใจอะไร ผู้พูดมีแนวโน้มจะทำอะไรเกี้ยวกับเหตุการณ์นั้น
เริ่มต้องอาศัยการตีความของผู้ฟังเข้ามาช่วย
จะทำให้เราเข้าใจและรู้จุดประสงค์การฟังมากขึ้น
ทักษะการไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราสามารถฝึกฝนได้ตลอด
การที่เราจะฟังได้ดีนั้น เราต้องมีการเปิดใจเพื่อเปิดรับสิ่งใหม่ๆ
พยายามค่อยๆฝึกฝน ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
การฝึกการฟังภาษาอังกฤษเป็นทักษะง่ายๆที่ทุกคนสามารถทำได้
เนื่องจากการฝึกฝนทักษะการฟังมีหลากหลายช่องทางที่เราสามารถเข้าใจและฝึกฝนตามใจที่เราชอบ
การฟังเป็นทักษะแรกที่เราควรให้ความสำคัญเนื่องจากทำให้เราสามารถเข้าใจอะไรที่ตามมาได้ง่ายขึ้น
เช่นทักษะการพูด ทักษะการพูดสามารถฝึกควบคู่ไปกับทักษะการฟังได้การฝึกฝนบ่อยๆ
ทำให้เราเข้าใจและรู้ข้อบกพร่องของตนเองมากขึ้น
และสามารถนำข้อบกพร่องมาแก้ไขและพยายามฝึกฝนต่อไปแก้ไขข้อบกพร่องให้ตรงจุด
จะทำให้เราเข้าใจและสนใจที่จะเรียนรู้มากขึ้นหากเรามีความมั่นใจในทักษะการฟังของเราแล้ว
เราสามารถที่จะฟังเพลงสากล ดูหนังฝรั่งได้อย่างสนุกและง่ายดาย
นอกจากนี้เรายังสามารถฟังชาวต่างชาติได้อย่างเข้าใจมากขึ้น
ทักษะเหล่านี้สามารถช่วยให้เรามีความแข็งแรงในทักษะด้านการฟังมากขึ้น
แค่ลองฝึกฝนบ่อยๆ ค่อยๆ ซึมซับภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ไม่ยากเลย
หากเราพร้อมที่จะเรียนรู้มัน
ภาษาอังกฤษก็จะเป็นภาษาที่เราสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดายแค่เรามีความมั่นใจ
และพยายามฝึกฝนบ่อยๆ เราก็สามารถเป็นผู้ฟังภาษาแงกฤษที่เก่งในอนาคตได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น