วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ไททานิค

ไททานิค



ไททานิคตอนที่1
ใต้ท้องทะเล
                ในวันที่ กันยายน ค..1985 ใต้เรือในท้องสมุทรทางเหนือขิงแอตแลนติก กล้องถ่ายรูปได้เคลื่อนผ่านในน้ำทะเลมืด กล้องได้ลงไปในท้องทะเล 1,000 เมตร 2,000 เมตร 3,000 เมตรอย่างช้า มีทหารบางส่วนได้รอและเฝ้าดูอยู่บนเรือ ไม่มีใครพุดจนเวลาผ่านไป ทันใดนั้นพวกเขาก็มองเห็นบางอย่าง ที่นั่นมันคือ! ทหารเรืออีกคนภาม ที่ไหน ทหารเรืออีกคนจึงบอกว่า ที่นั่น ดูสิ ฉันเห็นมัน ใช่ ถูกต้อง มันคือไททานิค ทหารอีกคนพูดอย่างตกใจ ภาพจากกล้องที่ทหารเรือสามารถเห็นเรือที่จมอยู่ใต้น้ำประมาณ 3,810 เมตร มันใหญ่มาก มันเป็นเรือเก่าแก่ และมันมีลักษณะเป็นส่วน ส่วน พวกเขาสามารถเห็นส่วนหน้าของเรือจากกล้องได้ แต่ไม่สามารถเห็นส่วนหลังที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 800 เมตร
                ลูกเรือทุกคนมีความสุขมาก พวกเขานำภาพถ่ายมาดูกันอย่างมากมาย ปีถัดไปพวกเขากลับมากับกล้องที่มีมากขึ้น และนำกล้องลงสู่ทะเลและดูที่เรืออย่างระมัดระวังอีกครั้ง พวกเขาไปรอบๆของเรือและสามารถบันทึกรูปได้ประมาณ 100 รูป กล้อบางตัวได้เข้าไปในเรือผ่านห้าต่างต่อมาก็ได้มีหนังเกี่ยวกับเรือ ผู้คนทั่วโลกได้ดูหนังและเห็นภาพในหนังสือพิมพ์
                แต่ผู้ได้สร้างไททานิค เกิดอะไรขึ้นกับมัน ทำไมถึงแตกหักออกเป็น 2 ส่วนจมอยู่ในทะเล และผู้คนบนเรือนี้เกี่ยวอะไร พวกเขาเป็นอะไรและเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา นี่เป็นเรื่องราวของไททานิค


ไททานิคตอนที่2

เรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก
                ผู้คนมากกว่า 15,000 คนสร้างไททานิคในเมืองเบลมาสทางเหนือของไอซ์แลนด์ พวกเขาเริ่มสร้างในปีค.ศ. 1903 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1912 ไททานิคเป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนัก 46,328 ตัน มีความยาว 265 เมตร และมีความกว้าง 28 เมตร มีเครื่องจักรขนาดใหญ่ 3 เครื่อง และมันสามารถเดินทางด้วยความเร็ว 23 น๊อต หรือ 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังนั้นมันจึงเป็นหนึ่งในเรือที่เร็วที่สุดในโลกเช่นกัน
                ไททานิคมีความปลอดภัยมาก มันมี 16 ช่องทางและมีประตูฉุกเฉิน 15 ประตูเมื่อกัปตันปิดประตูฉุกเฉิน น้ำไม่สามารถเข้าจากอีกห้องไปยังอีกห้องได้ ไททานิคลำใหม่ปลอดภัยกว่าเรือเก่า หนังสือพิมพ์บอกไว้
                ไททานิคเป็นเรือที่สวยมาก มีห้องมากมายสำหรับผู้โดยสารชั้น 1 เหมือนกับท่านชายและท่านหญิงจอห์น จาค๊อบ เอสเทอร์ที่ 4ได้อยู่เหมือนห้องในโรงแรมที่แพงมาก ท่านชายจอร์นจาค๊อบ เอสเทอร์ เป็น 1 ในบุคคลที่รวยที่สุดในโลก เขามีอายุ 47 ปี แต่ภรรยาคนที่ 2 ของเขาชื่อว่ามาดีลีน มีอายุเพียง 18 ปี บนเรือนั้น ท่านชายและท่านหญิงมีเตียงใหญ่ 2 เตียง มีห้องนั่งเล่น และห้องอื่นๆอีก 3 ห้อง
                คุณชายเอสเทอร์และภรรยาสาวของเขาสามารถที่จะรับประทานอาหารในภัตตาคารที่หรูหรา สามารถคุยกับคนรวย และคนที่มีชื่อเสียงอย่าง เบญจมินทร์ กักกิณเฮม ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน โคโลเนล อาชชิเบล เกรซี่ ซึ่งเป็นทหารและนักเขียน และคุณไอชิดอร์ สเตริส นักธุรกิจจากนิวยอร์กกับภรรยาสาวของเขาชื่อว่า ไอด้า กัปตันของไททานิคคือ เอ็ดเวิร์ส สมิธ ก็ร่วมรับประทานอาหารกับพวกเขาด้วยเช่นกัน มีห้องเยอะแยะมากมายสำหรับผู้โดยสารชั้น 1 ซึ่งที่นั่นพวกเขาสามารถเต้น อ่านหนังสือ สูบบุหรี่ และฟังเพลงได้
                ห้องสำหรับผู้โดยสารชั้น 2 ก็สวยมากเช่นกัน พวกเขาอยู่ดีกว่าห้องของผู้โดยสารชั้น 1 บนเรือเป็นส่วนมาก
                แต่ส่วนใหญ่ผู้โดยสารมีตั๋วชั้น 3 ผู้คนเหล่านี้ไม่ได้เป็นคนรวย พวกเขาเป็นคนทำงานที่มาจากอังกฤษ ไอซ์แลนด์ และเมืองอื่นๆอีกมากมาย คาร์ลา เจนเซ่น เป็นเด็กผู้หญิงที่มีอายุ 19 ปี มาจากเดนมาร์ค และแอนนา การ์จา อายุ 18 ปีมาจากฟินแลนด์ทั้ง 2 เป็นเด็กสาวที่ต้องการการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในอเมริกา
ผู้โดยสารชั้น 3 มีห้องเล็กๆที่เรียกว่าห้องในเรือบนชั้น เป็นทางยาว อยู่ล่างจากผู้โดยสารชั้น 1 และผู้โดยสารชั้น 2 มี 4 เตียงในหนึ่งห้องและมีทุกๆห้อง บางครั้งผู้โดยสารชั้น 1 เดินกับสุนัขของพวกเขาบนชั้น เพราะมันมีทางเดินที่ยาวที่สุดบนเรือแต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยกับผู้โดยสารชั้น 3 และพวกเขาก็ไม่มีอะไรจะพูดกับพวกเขาเช่นกัน 

ไททานิคตอนที่ 3

เมืองบนทะเล
                วันที่ 10 เมษายน 1912 ไททานิคออกจาก เซาท์แชมตัน ในทางใต้ของอังกฤษ เรือไปเชอบิ์กในฝรั่งเศษ และไปถึงควีนทาวน์ ใกล้กับเมืองคอร์กในประเทศไอซ์แลนด์ ผู้คนในชั้นสามส่วนใหญ่จะไปที่นั่นกัน ทันใดนั้นไททานิคได้มุ่งสู่ไปทางตะวันตกเพื่อไปสู่นิวยอร์ก
                ในวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน  โคลโลเนล เกรซี่  ได้ตื่นเช้า เมื่อเขาทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็ได้อ่านหนังสือ และพูดคุยกับเพื่อนของเขา คือ คุณหญิงและคุณชายสตรัส
                บนดาดฟ้าของเรือ คุณหญิงเอสเทอร์ ได้พูดคุยกับคุณโทมัส แอนดริวส์ ผู้ซึ่งออกแบบเรือไททานิค เขาได้พูดว่า ฉันรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรือนี้ คุณมีอะไรจะถามผมไหม คุณเอสเทอร์” “ใช่ค่ะ เอสเทอร์ พูด
บนเรือนี้มีผู้คนจำนวนเท่าไหร่
                โทมัส แอนดริวส์ ได้นำหนังสือออกมาจากกระเปาของเขา ดูนี่สิ” มี 325  คนเป็นผู้โดยสารชั้น1เหมือนพวกเรา       277 คน เป็นผู้โดยสารชั้นสอง 706  คน เป็นผู้โดยสารชั้น  908 คนเป็นเจ้าหน้าที่และกะลาสีเรือรวมกัน และนักดนตรีอีก คน
                ความดีของฉัน พวกเราเป็นเหมือนเมืองเล็ก คุณว่าพวกเราเป็นอย่างนั้นไหม คุณหญิงเอสเทอร์วางมือของหล่อนบนเรือเล็กๆที่อยู่บนข้างของเรือไททานิค แล้วถามว่า มีเรือชูชีพกี่ลำในเรือนี้ “20”โทมัส แอนดริวส์ พูด “20 เหรอคุณหญิงพูด แต่…..แล้วสามารถนำผู้คนทั้งหมดลงในเรือชูชีพ20ลำนี้ได้เหรอ ไม่แน่นอนว่ามันไม่ได้.  โทมัส แอนดริวส์ พูดอย่างเงียบๆ แต่ไม่ต้องกลัว คุณหญิงเอสเทอร์ พวกเราไม่จำเป็นต้องใช้เรือชูชีพ เพราะไททานิคจะไม่มีวันจม มันเป็นเรือที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
                ประธานของไวต์สตาร์ไลน์ เจ บรูช อิสเมย์ มีความตื่นเต้นเกี่ยวกับเรือลำใหม่ เขาพูดกับกัปตันสมิธ ว่า ไททานิสามารถไปได้เร็วเท่าไหร่ บรูช อิสเมย์ถาม ประมาณ 23 น๊อต กับตันสมิธตอบ แต่พวกเรากำลังใช้อยู่ขณะนี้ประมาณ 18 น๊อต พวกเราไม่ต้องการให้ไปถึงในนิวยอร์กในเร็วๆนี้ ทำไม บรูช อิสเมย์หัวเราะ มานี่กับตัน ลองเดินเร็วๆสิ ไททานิคจะเป็นเรือที่มีชื่อเสียง
                ลงไปชั้น ผู้โดยสารชั้น พูดเกี่ยวกับประเทศสหรัฐอเมริกาในหลายๆภาษา คาร์ลา เจนเซ่น เป็นชาวแดนิช แต่ที่นั่นมี คน เป็นที่ของเด็กผู้หญิงอังกฤษและเด็กหญิงชาวสวีเดนในห้องโดยสาร พี่ชายของคาร์ลา ชื่อ สเว่น และพี่ชายของพ่อหล่อน ชื่อเนลล์ อยู่บนเรือไททานิคเหมือนกัน ในแอนนาห้องโดยสารของตูรจา มีหญิงสาว 2 คนและเป็นเด็กอีกบางส่วน
                มิลวิน่า ดีน เป็นผู้โดยสารที่หนุ่มที่สุด บนเรือไททานิค หล่อนเป็นเด็กมีอายุเพียงแค่ สัปดาห์ซิดนีย์ กู๊ดเว่น มีอายุ ปี  เขาเป็นครอบครัวที่ใหญ่ ซึ่งมีแม่และพ่อของเขา พี่สาวและน้องสาว และพี่ชายอีกคน ที่อยู่ทีในห้องโดยสารที่เหมือนๆกัน 
                ผู้โดยสารหลายคนส่งข้อความวิทยุ ในปี 1912 เป็นสิ่งที่ใหม่มาก สองผู้ประกาศวิทยุ คือ แจ็ค ฟิลิปส์ และ ฮาโรลด์ บริดจ์ มีงานมาก ในสามวัน พวกเขาส่งข้อความจำนวน 250 ข้อความ และมากกว่านั้นเข้ามาจากนิวยอร์ก ซึ่งมาจากเซาท์แชมตัน และจากเรืออีกหลายๆลำ
                ข้อความมากมายจากเรือลำอื่นๆที่พูดถึงเกี่ยวกับน้ำแข็ง โปรดระวัง มีน้ำแข็งจำนวนมากในทางเหนือของแอตแลนติก ข้อความได้ดังขึ้น แต่กับตันสมิธ ไม่มีความกังวล เขาได้แสดงเพียงหนึ่งข้อความไปยังเจ้าหน้าที่
                ไททานิจะไม่ได้ไปช้าเพราะน้ำแข็ง มันไปข้ามทางมหาสมุทรแอตแลนติกและเพิ่มความมากกว่า 20 น๊อต  ผู้โดยสารเดินรอบๆบนเรือ พวกเขาหัวเราะ พูดและรับประทานอาหารในภัตตาคาร ทุกคนมีความสุขและตื่นเต้นมาก ไฟเปิด เพลงได้เล่น คุณหญิงเอสเทอร์ถูกแล้วที่ได้บอกว่า ไททานิคเป็นเหมือนเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งที่ไกลออกไปบนที่ใหญ่ๆทะเลเย็นๆ
ไททานิคตอนที่ 4

ภูเขาน้ำแข็ง
                ในคืนของวันที่ 14 เมษายน อากาศดีและมีดาวดาวมากมายบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน เสียงทะเลเงรยบแต่มีอากาศหนาวมาก
                ที่สูงในเรือ เป็นกะลาสี2คน ชื่อว่า ฟริดริกค์  ฟีท และรีจิเนล ลี  มองออกไปที่ทะเลและท้องฟ้ามืดๆ ผู้ชายสองคนนี้รู้สึกหนาวมาก เวลา 23.40  ฟิทเห็นบางอย่างที่อยู่ข้างหน้าเรือ มันใหญ่มากและเป็นสีขาวและมันก็อยู่ไม่ไกล
                ภูเขาน้ำแข็ง ภูเขาน้ำแข็ง”   ฟิทพูด ผ่านทางโทรศัพท์   มีภูเขาน้ำแข็งอยู่หน้าเรือ”  “ขอบคุณ เจ้าหน้าที่คนแรกคือ เมอร์ดอช ตอบ เลี้ยวซ้ายอย่างรวดเร็ว เขาบอกโรเบริ์ต ฮิชเชนจ์ ซึ่งเป็นกะลาสีที่อยู่ถัดจากเขา แต่เรือลำใหญ่กลับช้าๆมากขึ้นกว่าเรือที่ตัวเล็ก  และไททานิคเป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก
                สำหรับ 37 ยาวที่สองไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไททานิคได้มุ่งสู่ไปทางภูเขาน้ำแข็ง น้ำหนัก 1ล้านตันของน้ำแข็ง ที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทันใดนั้น อย่างช้าๆเรือก็ได้เริ่มเลี้ยวซ้าย ฟิทและลี ดู ปากของพวกเขาเปิด
ภูเขาน้ำแข็งใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา” พวกเขาได้ยินเสียงเมื่อมันตีที่ด้านขวาของเรือ พวกเขาเห็นน้ำแข็งจมลง ทันใดนั้นน้ำแข็งก็อยู่ด้านหลังของเรือและห่างหายไปในค่ำคืนที่มืด
                เจ้าหน้าที่คนแรก หน้าของเมอร์ดัช เป็นสีชาว หยุดทำงานอย่างเร็ว เขาพูด เครื่องยนต์ก็หยุด และไททานิก็ได้เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ทันใดนั้นมันก็หยุด
                ผู้โดยสารหลายท่านหลับอยู่ และไม่ได้ยินสียงอะไรทั้งสิ้น แต่โคโลเนล  เกรซี่ เขาดูที่นาฬิกาของเขา  มันเป็นเวลาประมาณ 23.45 เขาเปิดประตูห้องโดยสารของเขา และออกไปดูข้างนอก มันเงียบมาก ทำไมฉันไม่ได้ยินเครื่องเรือเลย  เขาคิด   เขาสวมใส่เสื้อคลุมและเดินออกไปยังบนชั้นดาดฟ้า
                ผู้โดยสารบางคน เห็นน้ำแข็งบนชั้นดาดฟ้าและหัวเราะ  พวกเขาเล่นกับน้ำแข็ง ไม่กี่นาที และจากนั้นก็เดินเข้าไปจากความหนาว
                แต่ข้างล่างในห้องผู้โดยสารชั้นที่อยู่หน้าเรือ ภูเขาน้ำแข็งได้เกิดเสียงดังขึ้นเมื่อมันกระทบกับเรือ น้ำได้เข้ามาสู่ในห้องโดยสารของเดลเนียล  บัคลีย์   เขาตื่นและเปิดประตู มีผู้คนมากมายที่ทางเดิน มันเกิดอะไรขึ้น” พวกเขาถาม  “มีอะไรผิดปกติ
                เด็กผู้หญิง 4คนที่อยู่ในห้องโดยสารของดาร์ล่า  เจนเซ่น ตื่นขึ้น แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้หลับต่อ คาร์ล่าอยู่บนเตียงในชุดนอนของหล่อน ทันใดนั้น เนลล์ เจนเซ่น ก็เปิดประตูเวลาประมาณ  00.30 . “มาเร็ว คาร์ล่า ตื่น  เขาพูด มีบางอย่างเกิดขึ้น  เราต้องออกไปจากดาดฟ้า     คาร์ล่าได้สวมเสื้อคลุมทับชุดนอน และเดินไปข้างบนพร้อมกับนีลส์ เธอไม่เคยเห็นสาว ๆ ในห้องโดยสารของเธออีกครั้ง ผู้ชายคนหนึ่งเปิดประตูห้องโดยสารของตรูจาร์อีกครั้ง  เร็วๆ” เขาพูด พวกเราทั้งหมดจะลงสู่ทะเล

ไททานิคตอนที่5

ซีดีคิว-สัญญาณฉุกเฉิน
                กัปตันสมิธ ได้ยินสียงที่ดังมาก เขาลุกจากเตียงอย่างรวดเร็ว   มีอะไรผิดปกติ” เขาถามพนักงานคนแรกคือเมอร์ดอช  นั่นมันเสียงอะไร
                “ภูเขาน้ำแข็ง ครับ”  เมอร์ดอชตอบ  ผมเสียใจมาก แต่พวกเราได้กระทบกับภูเขาน้ำแข็ง ฉันกำลังทำหยุดทำงานเครื่องยนต์ ช้า ไททานิคก็ได้หยุดลง เรือลำใหญที่สวยงามรอบนความเงียบของทะเลสีดำ ใต้ดวงดาวนับพันดวง
                ปิดประตูฉุกเฉิน  อย่างเร็ว กัปตันสมิธพูด  พวกเราปิดแล้วครับ  ”  เมอร์ดอชตอบ   ดีมาก  ทำได้ดี
เมื่อประตูฉุกเฉินทั้ง 15 ประตูได้ถูกปิด  น้ำไม่สามารถเข้ามาในเรือ จากช่องหนึ่งไปยังอีกช่องหนึ่ง แต่มีช่องจำนวนเท่าไหร่บนเรือนี้ หนึ่งห้องในหนึ่งช่องใช่ไหม ได้มีจำนวนมากของห้องในจำนวนมากของช่องใช่ไหม กัปคันสมิธต้องการที่จะรู้คำตอบ เร็วสิ
                กัปตันสมิธ พนักงานคนแรก  เมอร์ดอช และโทมัส  แอนดริว  ผู้ที่ออกแบบไททานิค ได้ลงไปดูข้างล่างของเรือ พวกเขาพบห้องมากมาย มีน้ำในช่อง 1 2 3 4 และ แย่แค่ไหน   กัปตันสมิธถาม  หน้าของโทมัส แอนดริว ดูซีดๆและเหมือนจะไม่มีความสุข มันแย่มาก ผมรู้สึกกลัว เขาตอบ เรือลำนี้กำลังจะจม
คุณหมายความว่าไง กัปตันสมิธถาม ไททานิคไม่สามารถจม คุณพูดแบบนั้นกับคุณคุณหญิงเอสเทอร์เมื่อวาน ผมได้ยินคุณ    ใช่ ผมรู้ แอนดริวพูด  ไททานิคปลอดภัย น้ำในสามช่อง ในความเป็นจริง มันมันเกือบจะปลอดภัยกับน้ำในสี่ช่อง   แต่นี้ นี่มันแตกต่างกัน  น้ำเข้ามาในช่องที่5  ช่องที่  5 อยู่ข้างหน้าของเรือ มันเป็นส่วนที่รับน้ำหนักที่มากกว่า   ผมเสียใจ แต่ผมไม่สามารถหยุดมันได้ ไททานิคกำลังจะจม  เรามีเวลานานแค่ไหน   กัปตันสมิธ ถาม   ผมไม่รู้ อาจจะ ชั่วโมง ตกลง ให้ผู้โดยสารสวมเสื้อชูชีพของพวกเขา และให้เตรียมเรือชูชีพ  กัปตันสมิธพูดกับเมอร์ดอช  ทันใดนั้น กัปตันสมิธได้เดินลงไปที่ห้องวิทยุ พูดกับนักข่าววิทยุของไททานิค คือแจ๊ค ฟิลลิปส์   
                นี่เป็นภาวะฉุกเฉิน  กัปตันสมิธพูด เรือกำลังจะจม   ขอความช่วยเหลือ  ได้ครับ  ฟิลลิปตอบ เขาส่งข้อความฉุกเฉิน ซีคิวดี เอ็มจีวาย เพื่อช่วยไททานิค พวกเรากำลังจะจม โปรดช่วยพวกเราด้วย มันเป็นเวลา  00.15 .
ไททานิคตอนที่6

ไม่มีใครฟัง
                เรือที่ใกล้ที่สุดกับไททานิคคือเรือแคลิฟฟอเนีย มันห่างประมาณ 16 กิโลเมตร  เรือแคลิฟอเนียรู้เรื่องเกี่ยวกับน้ำแข็ง ดังนั้นมันจึงหยุดเวลา 22.30 ที่นั่นในเวลากลางคืน เวลา  23.10 พนักงานคนที่3   ชาร์ล โกรฟ  ไม่รู้ว่าทำไม  เขาไม่รู้ว่ามันอะไรขึ้นกับไททานิค
                ในปี 1912 วิทยุเป็นสิ่งที่ใหม่มาก เรือส่วนใหญ่มีวิทยุ แต่พวกเขาไม่สามารถฟังมันได้ตลอดเวลา  คายริลว์  อีเวนท์  ผู้ประกาศวิทยุของแคลิฟฟอเนีย เข้านอน เวลา 23.30 ดังนั้นไม่มีใครบนเรือแคลิฟฟอเนีย ได้ยินเสียงข้อความฉุกเฉิน จากแจ๊ค ฟิลลิป  เวลา  00.15 .
                ผู้คนที่เครฟ เรส  ในสหรัฐอเมริกา ได้ยินมัน และผู้ชายคนหนึ่งได้ยินมันในนิวยอร์ก  แต่เกือบจะประมาณ 10 นาที ไม่มีเรือไหนตอบข้อความเลย เมื่อเวลา 00.25 .  ผู้รายงานข่าววิทยุบนเรือ โทรหาคาร์พาเทียล ต้องการที่จะพูดกับไททานิค  ไททานิค  ฉันมีข้อความหนึ่งสำหรับหนึ่งในผู้โดยสารของคุณ”  เขาพูด คุณได้ยินไหม    มาเดี๋ยวนี้  แจ๊ค ฟิลลิป ตอบ  มันเป็นเสียงเตือนภัย พวกเราต้องการความช่วยเหลือ  พวกเรากำลังจะจม  ผมจะบอกกัปตัน ผู้ประกาศวิทยุของคาร์พัทเทีย บอก  “ครับกรุณาเร็วๆๆนะ  ฟิลลิป ตอบ  คาร์พัทเทีย ได้เริ่มไปทางไททานิค แต่คาร์พัทเทียอยู่ห่างประมาณ 92 กิโลเมตร
                จากไททานิค กัปตันสมิธ สามารถเห็นเรือแคลิฟฟอเนีย แต่เขาไม่รู้ และเขาก็ไม่สามารถพูดกับมันผ่านทางวิทยุได้  แจ๊ค ฟิลลิป พยายามที่จะโทรและส่งจดหมาย ซีคิวดี และ เอสโอเอส แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  กัปตันสมิธพยายามที่จะส่งข้อความกับแสงแต่ก็ไม่ได้คำตอบ มันไม่ดีเลย” เขาพูด ส่งพลุขึ้นไป เมื่อ 00.45 พลุอันแรกได้ขึ้นไปสู่ท้องฟ้าที่มืด มันสร้างแสงสีขาวที่สูงเหนือจากไททานิค ทุกๆ 10 นาทีหลังจากนั้นก็มีพลุอันใหม่ขึ้นอีก  บนเรือแคลิฟฟอเนีย พนักงานคนที่สองคือ สโตน เห็นพลุ  มันน่าสนใจ เขาพูด เขาพูดกับกัปตันของเขาชื่อว่า ลอร์ด แต่กัปตันลอร์ดรู้สึกเหนื่อยมากเขาจึงเข้านอน สโตนดูพลุเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงแต่เขาไม่เข้าใจพวกเขา ว่าเขาทำอะไร
ไททานิคตอนที่7

ลงไปในเรือชูชีพ
                ไททานิคมีเรือชูชีพจำนวน20 ลำ เรือเหล่านี้สามารถบรรจุคนได้ทั้งหมด 1,178 คน แต่มีคนทั้งหมด 2,224 คนบนเรือ ดังนั้นเกือบครึ่งของผู้คนบนเรือที่ไม่มีเรือชูชีพ 
                เรือลำแรก เรือชูชีพ 7ลำ ลงสู่ทะเล เวลา 00.55  กับผู้คน 26 คนช่วยกัน เรือชูชีพหนึ่งลำสามารถบรรทุกคนได้ 60 คน แต่มีเพียง 12 คนในลำนั้น เรือชูชีพลำที่มีผู้หญิงเพียง 25คน และทหารเรืออีกคน
                พนักงานบนเรือช่วยผู้โดยสารกับเสื้อชูชีพของเขา ผู้หญิงและเด็กต้องลงไปในเรือชูชีพ พนักงานพูด ผู้ชายต้องอยู่บนเรือ แต่ผู้หญิงบางคนไม่ต้องการจะไปมันเป็นความอบอุ่นบนเรือและเย็นในทะเลมืด
                คุณหญิงเอสเทอร์รู้สึกหนาว หล่อนสวมเสื้อชูชีพคลุมสวมทับชุดเดรสสีฟ้าที่สวยงามของหล่อน แต่หล่อน เธอไม่ได้มีเสื้ออุ่นๆ หล่อนต้องการที่จะอยู่บนเรือกับสามีของหล่อน  ฉันไม่ต้องการที่จะลงไปในเรือชูชีพ หล่อนพูด ไททานิคไม่สามารถจม โทมัส แอนดริวส์ บอกฉัน คุณชายเอสเทอร์นั่งบนเก้าอี้ถัดไปจากภรรยาของเขา นั่งบนเรือ เขาพูด พวกเราอยู่บนนี้ปลอดภัยกว่าอยู่ในเรือเล็กๆนั่น
                เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง คุณหญิงเอสเทอร์นั่งกับสามีของหล่อน พวกเขาดูผู้หญิงและเด็กที่ลงไปในเรือชูชีพ พวกเขาเห็นทะเลเข้ามาใกล้ๆ มันไม่ดีเลย”  หล่อนพูดเป็นครั้งสุดท้าย  แอนดริวส์บอกเป็นเรื่องที่ไม่จริง เรือลำนี้กำลังจะจม พนักงานคนที่2  ชาร์ลิส  ไลท์โทเลอร์ ช่วยเอสเทอร์ให้ลงไปในเรือชูชีพที่  คุณเอสเทอร์ต้องการที่จะไปกับหล่อน ฉันสามารถไปกับภรรยาของฉันได้ไหม” เขาถาม  หล่อนต้องการฉัน หล่อนกำลังจะมีลูก ผมขอโทษ”   ชาร์ลิส  ไลท์โทเลอร์พูด เรือเหล่านี้สำหรับคุณผู้หญิงและเด็ก คุณผู้ชายต้องอยู่ที่นี่ คุณชายเอสเทอร์ดูภรรยาของเขาลงไปสู่ทะเลเพื่อลงไปในเรือชูชีพ ไม่ต้องกลัว เขาพูด  ฉันจะไป ตกลง เราจะเจอกันในนิวยอร์ก ลาก่อนที่รัก หล่อนพูด  เราจะต้องเจอกันอีกครั้ง
                ไอซิดอร์ สตรัช อายุ 67 ปี และภรรยาของเขาอายุ 63 ปี  ไม่สามารถอยู่ถ้าปราศจากสามีของฉัน คุณหญิงสตรัชพูด  เขาไปที่ไหนฉันจะไปด้วย”  ตกลง  ชาร์ลิส  ไลท์โทเลอร์พูด เขาเป็นผู้ชายชรา ดังนั้นเขาสามารถไปกับคุณผู้หญิงได้  ไม่คุณชายสตรัชพูด  ผมเป็นผู้ชาย ผมจะอยู่ที่นี่กับผู้ชายอีกหลายคน ดังนั้นคุณหญิงสตรัชจึงอยู่กับสามีของหล่อนบนไททานิค
                เรือชูชีพอยู่บนดาดฟ้าเรือ ใกล้กับผู้โดยสารชั้นและผู้โดยสารชั้น แอนนา ตุรจี  วิ่งขึ้นบันไดจากดาดฟ้าชั้น ไปยังดาดฟ้าเรือ  หยุด”  ทหารเรือพูด คุณไม่สามารถที่จะขึ้นไปที่นั่นได้ แอนนาก็ยังไม่หยุด แต่ทหารเรือปิดประตูด้านหลังเธอ มีผู้โดยสารที่หิวโหยนับร้อยคนบนชั้นหลังจากปิดประตู ออกพวกเรา พวกเขาพูด พวกเราทั้งหมดกำลังจะตาย ทันใดนั้น เดลเนียล บัคลีย์ และผู้ชายบางคนพังประตูและวิ่งขึ้นบันได  ผู้ชายส่วนใหญ่รู้สึกกลัวและโกรธ พวกเราต้องได้ขึ้นบนเรือ พวกเขาพูด แต่พนักงานบนดาดฟ้าเรือมีปืน  “ถอยไป” พวกเขาพูด ผู้หญิงและเด็กเท่านั้น” แต่เดเนียล บัคลีย์ ลงไปในเรือ และสวมใส่หมวกของผู้หญิง เมื่อเจ้าหน้าที่มองลงไปในเรือนั่น พวกเขาเห็นเพียงผู้หญิงอยู่ในนั่น ผู้โยสารชั้นสามที่เป็นผู้หญิงบางคนเหมือนกันแอนนา ตุรจา และคาร์ล่า เจนเซ่น เข้าไปในเรือด้วยเช่นกัน คาร์ล่ารู้สึกหนาว หล่อนไม่มีรองเท้า มีเพียงชุดนอน เสื้อชูชีพ และเสื้อคลุม
                สิบแปดลำของเรือชูชีพ20 ลำของไททานิค ลงสู่ทะเล  บางลำมีเพียง10 หรือ 20 คนในเรือ แต่เรืชูชีพ 14 มีพนักงานคนที่ ลาวส์ กับผู้หญิง 58 คน และเด็ก หลังจากนั้นมีเพียงเรือชูชีพ2ลำ เรือชูชีพ และบนเรือ
ไททานิคตอนที่ 8

ในความหนาว ทะเลมืด
                นักดนตรีทั้ง8คน ไม่ได้ลงไปในเรือชูชีพ พวกเขาอยู่บนไททานิค และเล่นดนตรี มีความสุขกับเพลงเพื่อคลายความตึงเครียดให้กับผู้คน เบญจมินท์ จักกินแฮมท์ นักธุรกิจที่รวย และเพื่อนของเขาดูผู้หญิงที่ลงไปในเรือชูชีพ พวกเขานั่งและฟังเพลงอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นพวกเขาก็ถอดเสื้อชูชีพและวางบนเสื้อคลุม ตอนนี้พวกเราพร้อมที่จะตาย พวกเขาพูด  
                ช่วยผู้โดยสาร กัปตันสมิธพูกับทหารเรือ เรือกำลังลงต่ำ คุณสามารถทำอะไรได้ไม่มาก โทมัส แอนดริวส์ ผู้ออกแบบไททานิค กล่าวว่าไม่มีอะไร เขาสามารถพูดอะไรได้บ้าง 
                พนักงานคนที่สอง ไลทโทลเลอร์ และ โคลโลเนล เกรซี่ ต้องการที่จะเคลื่อนย้ายเรือชูชีพ และแต่มันไม่ง่ายเลย น้ำได้เข้ามาสู่ในเรืออย่างรวดเร็ว เรือชูชีพ ได้ลงสู่ทะเล ไม่มีใครในเรือลำนั้นเลย แต่สักพักก็มีผู้ชายหลายคนลงไปในเรือ เรือชูชีพ  ลงสู่ทะเลในทางที่ไม่ถูกต้อง
                ทันใดนั้นเรือก็ได้เคลื่อน โคลโลเนล เกรซี่และ ชารล์ลีซ ไลทโทลเลอร์ ตกลงไปในทะเลน้ำแข็งที่เย็น พวกเขาไปเป็นทางยาวใต้น้ำ ฉันกำลังจะตาย โคลโลเนลคิด
                จากนั้นในที่สุดพวกเขาก็ขึ้นมาว่ายน้ำกับเรือชูชีพ แต่เรือชูชีพ Bมีวามผิดพลาดขึ้น พวกเขาไม่สามารถขึ้นไปยังเรือได้ พวกเขาก็อยู่บนมัน ผู้ประกาศวิทยุ แจ๊ค ฟิลลิปส์  อยู่บนยอดของเรือชูชีพ B กับ โคโลเนล์ เกรซี่ ชาร์ลีซ ไลทโทลเลอร์ และผู้ชายอีกที่มากกว่า 26 คน  ผู้ประกาศข่าววิทยุ ฮาโรล์ บริจญ์ อยู่ใต้เรือชูชีพ  B ทันใดนั้นเขาก็ว่ายน้ำออกไปและไปอยูบนยอดของเรือ ดีเด็กน้อย ผู้ชายชราที่อยู่ในน้ำใกล้กับเรือชูชีพ คุณยังโอเคอยู่ไหม  แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปบนเรือ และหลังจากนั้นเขาก็เสียชีวิต ใครนะ คนที่ถาม บางทีอาจเป้นกัปตันสมิธ ข้างหน้าของเรือได้ลงต่ำ และในเวลาเดียวกันข้างหลังของเรือก็ได้ดิ่งสูงขึ้น ประมาณ นาที ข้างหลังของเรือก็ได้ยกขึ้นอย่างช้าๆ ผู้คนบางส่วนได้วิ่งไปในส่วนหลังของเรือ ผู้คนบางส่วนได้ตกลงจากเรือลงสู่ทะเล
                คาร์ล่า เจนเซ่น ดูจากเรือชูชีพที่ 16 ทะเลเงียบละมืดมาก ต่อมาเขาพูดว่า ความสว่างยังคงอยู่บนเรือ”  ทันใดนั้น มีเสียงที่น่ากลัวของผู้คนเกือบพันคนที่ร้องไห้อยู่บนเรือ พวกเราได้ยินพวกเขา ทันใดนั้นไททานิคก็ได้แตกออกเป็นสองส่วน
               
                อย่างช้า ๆ ในตอนแรก แล้วก็เร็วขึ้น ไททานิคอยู่ใต้น้ำ ส่วนที่อยู่หน้าเรือลงอยู่ในน้ำ  เวลา 2.20 น ไม่มีไททานิคเหลืออยู่เลย  ผู้คนที่อยู่บนเรือสามารถเห็นแต่ดวงดาวบนท้องฟ้าที่มืด และทะเลสีดำที่ไม่มีไททานิค เรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ใต้น้ำ
                มีผู้คนเกือบพันคนอยู่ในน้ำ พวกเขาเหล่านั้นมีเสื้อชูชีพ หัวของพวกเขาอยู่เหนือน้ำ แต่น้ำทะเลหนาวมาก และไม่มีใครสามารถอยู่ได้ในนั้นเป็นเวลานาน  โปรดกลับมาหาฉันและช่วยฉัน ผู้คนที่อยู่ในน้ำร้องไห้ถึงผู้คนที่อยู่บนเรือชูชีพ
                ในเรือชีชีพที่  มีทหาร คน และเรือผู้หญิงอีก 25 คน พวกเราจะกลับไปช่วยพวกเขาที่อยู่ในน้ำ  ผู้หญิงบางคนพูด มีสามีของพวกเรา  พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ  ไม่ ทหารพูด  โรเบริ์ต ฮิตเช่นต์  มีผู้คนจำนวนมากในน้ำ พวกเราไม่สามารถเอาทุกคนทั้งหมดขึ้นมาบนนี้ได้ มันไม่ปลอดภัย
                ดังนั้นไม่สามารถทำอะไรได้เลย  เรือชูชีพลำที่มีเพียง 12 คน แต่เขาไม่ได้เอาผู้ชายหรือผู้หยิงออกจากทะเล  แต่เรือชูชีพลำที่ 14  พนักงานคนที่ 5  ลาลส์ ไม่ต้องการที่จะช่วย รับมาในเรือลำที่ 10 และลำที่ 12  เขาบอกผู้โดยสารจำนวน 58 คนของเขาอย่างเร็ว ตอนนี้เรือลำนี้กำลังกลับ แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะเคลื่อนผู้โดยสาร  เมื่อเวลา 03.00 พนักงานคนที่ 5  ลาลส์ ได้กลับไปกับเรือชูชีพที่ 14  ไปช่วยผู้คนที่อยู่ในน้ำ แต่มันสายไปแล้ว ทุกคนเกือบจะตายแล้ว ฮาโรลว์ ลาลส์ นำแค่เพียง คนที่ยังมีชีวิตอยู่ออกจากทะเล  พวกเขาเห็นผู้ชายหนึ่งคนบนประตูในน้ำ    เขาเห็นความเย็น ซีดๆๆๆและความตาย ตาหลังจากนั้นไม่กี่นาที เขาได้เปิดตาของเขา และเริ่มที่จะพูด ในญี่ปุ่น   ต่อมา เขาได้ช่วยได้ช่วยจัดแถวในเรือ เหมือนราวกับทหาร ผู้ชายที่ดีเป็นอะไร ฮาโรลว์ ลาลส์ พูด
                ตลอดทั้งคืน ผู้คนนั่งในเรือชูชีพ และรอจนถึงเช้า เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น พวกเขาเห้นความหนาวทะเลที่เงียบ พวกเขาเห็นภูเขาน้ำแข็งทุกแห่ง และในน้ำใกล้กับภูเขาน้ำแข็ง พวกเขาเห็นร่างกายซีดๆกับความหนาวเย็นของผู้คนเกือบร้อย  ร่างกายของผู้โดยสารและทหารเรือที่เสียชีวิต
ไททานิคตอนที่ 9

เรือคาพาเทียและเรือแคลิฟอร์เนีย
                เรือคาพาเทียได้ยินเสียงข้อความจากเรือไททานิคเวลา 00.25 น. มันมาอย่างเร็วมาก  15 น๊อต (31 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ) มุ่งสู่ไปยังไททานิค   เวลา 02.35  กัปตันโรสตัน  กัปตันของเรือคาพาเทีย เห็นไฟสีเขียวเหนือทะเล เวลา  02.45  ทหารของเขาเห็นภูเขาน้ำแข็ง มีภูเขาน้ำแข็งมาก พวกเรากำลังจะไปอย่างรวดเร็วคับ มันไม่ปลอดภัย  ทหารเรือพูด  อย่าหยุด กัปตันโรสตันพูด พวกเราต้องไปที่นั่นอย่างรวดเร็ว ไททานิคกำลังจะจม
                ไม่มีข้อความเพิ่มเติมจากไททานิค เวลา 04.00  เรือคาพาเทียได้หยุด  และส่งจรวดไปสู่อากาศ พวกเราอยู่ที่นี่ กัปตันพูด แต่ไททานิคอยู่ที่ไหน
                เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ไม่มีไททานิค พวกขาเห็นแค่ภูเขาน้ำแข็ง 20  ลูก  บางลูกใหญ่บางลูกเล็ก เล็กเรือชูชีพที่ห่างออกไปประมาณ 400 เมตรมีทหารเรืออยู่ในนั้น  บ้างก็เป็นผู้หญิงและเด็ก
ไททานิค อยู่ที่ไหน  กัปตันโรสตันถาม  มันลงอยู่ข้างล่างแล้วครับ คำตอบจากทหาร ในเวลาชั่วโมงครึ่งที่ผ่านมา  บนเรือแคลิฟอร์เนีย หัวหน้าพนักงานเห็นเรือคาพาเทีย  นั่นมันเรือ เขาพูดกับกัปตันลอดห์  มันยิงจรวดอีกครั้ง  มันไม่มีอะไร กัปตันลอดห์พูด มันไม่สำคัญ 
                แต่เวลา 05.40 เอเวินส์ ผู้ประกาศวิทยุของเรือแคลิฟอร์เนีย  ได้ตื่นจากนอน พูดกับเรือลำนั้น  เอเวินส์ ได้โปรด สเตเวิร์ดพูด ทำไมพวกเขาถึงยิงจรวด
                2 นาทีต่อมา เอเวินส์ตอบ เรือนั่นคือเรือคาพาเทีย   มีเรือชูชีพในทะเลและเรือคาพาเทียที่กำลังช่วยพวกเขา  ไททานิคชนกับภูเขาน้ำแข็งเมื่อคืน
                พวกเราต้องช่วย กัปตันลอดห์พูด อย่างเร็ว เรือแคลิฟอร์เนียมุ่งสู่ไปยังเรือเรือคาพาเทีย  แต่มันเกือบจะ โมงเช้า ซึ่งมากกว่า ชั่วโมงที่ไททานิคขอความช่วยเหลือ
                เรือชูชีพจำนวนหนึ่งได้เข้ามาสู่เรือคาพาเทียอย่างช้าๆ เรือชูชีพ B เริ่มที่จะค่อยๆจม และผู้คนบนเรือได้ปืนขึ้นไปยังเรือชูชีพ 12  เวลา 08.30 เรือชูชีพลำที่ 12 ก็มาถึงเรือคาพาเทียกับผู้คน 75 คนที่อยู่ในเรือลำนั้น  มีน้ำมากมายในเรือ และผู้โดยสารทั้งหมดรู้สึกเหนื่อยและหนาว  มันเป็นเรือชูชีพลำสุดท้ายที่มาจากไททานิค พนักงานคนที่ 2 ไลท์โทลเลอร์ ได้ช่วยผู้คนไปยังบนเรือ และเขาก็ได้ลงจากเรือชูชีพและขึ้นไปยังเรือเหมือนกัน เขาเป็นคนสุดท้ายที่มาจากไททานิคและขึ้นไปยังเรือคาพาเทีย
                ทหารจากคาพาเทียได้ช่วยผู้โดยสารมาจากเรือของพวกเขา  พวกเขามีเสื้อคลุมหนาๆและเครื่องดื่มอุ่นๆสำหรับผู้โดยสาร แต่ผู้โดยสารต้องการที่จะรู้เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวและเพื่อนของพวกเขา  สามีของฉันอยู่ที่นี่ใช่ไหม”  พวกเขาถาม  ภรรยาของผมอยู่ที่นี่ใช่ไหม  ลูกๆของฉันอยู่ที่ไหน
                4 วันต่อมาเรือคาพาเทียได้มาถึงนิวยอร์กกับผู้คน 711 คน จากไททานิค แต่ความหนาวเย็นในตอนเหนือของแอตแลนติกกลับให้ผู้คน 1,513 คนตาย ผู้ชายซึ่งที่สำคัญ ซินาร์เทอร์ สมิธ   ได้เริ่มถามคำถาม มันมีอะไรผิดพลาด ผมต้องการรู้ ทำไมไททานิคถึงจม ทำไมผู้คนเหล่านี้ต้องตาย
                กัปตันสมิธและพนักงานคนแรก เมอร์ดอชก็ตาย และผู้ออกแบบเรือ โทมัส  แอนดริส์ ก็ตายเช่นกัน แต่ประธานของ ไวท์ สตาร์ ไลน์  ชื่อบรูช อิสเมย์ อยู่บนเรือคาพาเทีย ซินาร์เทอร์  สมิธพูดกับเขา คุณรู้เกี่ยวกับภูเขาน้ำแข็งหรือไม่.  ซินาร์เทอร์  สมิธถาม  ใช่  กัปตันสมิธ รู้เกี่ยวกับน้ำแข็ง  ชื่อบรูช อิสเมย์ ตอบ
ทำไมไม่ให้ไททานิคไปอย่างช้าๆ  ซินาร์เทอร์ สมิธ เขาเป็นกัปตัน ผมเป็นเพียงแค่ผู้โดยสารคนหนึ่ง  ผู้โดยสาร ใช่ แต่คุณเป็นประธานของ ไวท์ สตาร์ ไลน์  ซินาร์เทอร์  สมิธพูออย่างโกรธ ไททานิคเป็นเรือของคุณ และผู้คน 1,500  คนตายเพราะไททานิคชนภูเขาน้ำข็ง  คุณสามารถตอบคำถามนี้ได้ไหม แล้วทำไมมีเรือชูชีพเพียงแค่ 20 ลำ
                บรูช อิสเมย์ มีสีหน้าที่ไม่พอใจ เพราะไททานิคไม่สามารถจมิโทมัส แอนดริวส์บอกผมที่นั่น เขาเป็นผู้ออกแบบ เขารู้เกี่ยวกับเรือ และจำมันมี 16 ช่อง และ 15 ประตูฉุกเฉิน พวกเราเลยไม่ต้องการเรือชูชีพจำนวนมาก มันเป็นเรือที่ปลอดภัยที่สุดในโลก  แอนดริวส์พูด  และผมก็ฟังเขา
                ผมเห็น ซินาร์เทอร์  สมิธ พูดอย่างโกรธ  คุณไม่มีอะไรผิด  กัปตันสมิธเป็นคนผิดเกี่ยวกับภูเขาน้ำแข็ง  และโทมัส แอนดริวส์ผิดเกี่ยวกับเรือชูชีพ แต่คุณเป็นประธานของไวท์ สตาร์ ไลน์   ผมเป็นเพียงผู้โดยสาร บรูช อิสเมย์พูด
               

ไททานิคตอนที่ 10

ชีวิตหลังไททานิค
                เกิดอะไรขึ้นกับผู้คนหลังจากเกิดเหตุการณ์กับเรือไททานิค  เรือชาวอเมริกัน แมคคีย์ เบนเนท ได้พบร่างผู้เสียชีวิตนับร้อยในทะเล หนึ่งในร่างกายที่เป็นศพนั้นคือ จอห์น จาค๊อป เอสเทอร์  เขาถูกฝังในนิวยอร์ก ในเดือน เมษายน ปี 1912  ในเดือนสิงหาคม ปี 1912 คุณหญิงเอสเทอร์ก็ได้มีลูกชาย หล่อนบอกกับเด็กน้อยว่า ตั้งชื่อให้เหมือนกับพ่อของเขาคือจอห์น จาค๊อป เอสเทอร์  และคุณหญิงเอสเทอร์ก็ได้เสียชีวิตในปี 1953
                แมคคีย์ เบนเนท ได้พบคุณชายสตรัช และเขาถูกฝังในนิวยอร์กเช่นกัน แต่พวกเขาไม่พบภรรยาของเขา  ร่างกายหลายๆร่างบนเรือแมคคีย์ เบนเนท มีผู้คนที่ไม่มีชื่อ หนึ่งในศพนั้นเป็นเด็กมีอายุเพียงสองขวบ ไม่มีใครรู้ชื่อของเด็กน้อย พวกเขาเรียกเด็กน้อยนี้ว่า เด็กน้อยผู้ไม่รู้จัก ทุกวันนี้พวกเรารู้แล้วว่าเด็กนั่นคือ ซิดนีย์ กู๊ดเว่น แม่และพ่อ พี่ชายทั้งสาม และพี่สาวทั้งของเขาทั้งหมดตายในทะเลเช่นกัน  เด็กน้อยซิดนีย์เหมือนผู้โดยสารหลายๆคนของไททานิคที่ถูกฝังใน ฮาลิฟักฮ์ โนวา สก๊อตเทีย ในประเทศแคนาดา  แต่มินวิน่า  ดีน เป็นผู้โดยสารที่อ่อนที่สุดบนไททานิค ไม่ตาย หล่อนออกจากไททานิคลงเรือชูชีพที่ 10 กับแม่และพี่ชายของหล่อน ต่อมาพวกเขาได้กลับไปประเทศอีก  เรือดาวขาวชื่อว่า แอดเรียติก  ผู้โดยสารหญิงทั้งหมดบนแอดเรียติกต้องการที่จะอุ้มหล่อนในแขนของพวกเขา ในตอนสุดท้าย หนึ่งในพนักงานพูดว่า ไม่มีผู้โดยสารใดสามารถอุ้มมินวิล่าได้นานเกิน 10 นาที 
                โคโลเนล อาชิเบลด์   เกรซ เขียนหนังสือเกี่ยวกับ ไททานิค แต่เขาไม่เคยได้รับสิ่งดีๆหลังจากเวลาที่เขาอยู่ในทะเล เขาได้เสียชีวิตในเดือนธันวาคม ปี 1912  และคำพูดสุดท้ายของเขาคือ พวกเราต้องรับพวกเขาทั้งหมดลงมาในเรือ มันไม่ง่ายเลยสำหรับแอนนา ตุรจา ในอเมริกา หล่อนไม่รู้จักผู้คนที่นั่นเลย และหล่อนไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้  หมอโรงพยาบาลในนิวยอร์กได้เขียนชื่อบนแขนของเธอ และพาเธอขึ้นรถไปไฟเพื่อไปหาพี่ชายของหล่อนในเมือง โอฮิโอ แต่แอนนาเป็นผู้หญิงที่สวย เป็นผู้หญิงสาวอัธยาศัยดี หล่อนได้พบสามีของหล่อนในเมืองโอฮิโอ และพวกเขามีลูก คน หล่อนเสียชีวิตในปี 1982 ด้วยอายุ 89 ปี
                คาร์ล่า เจนเซ่น ได้กลับไปเดนมาร์ค หล่อนพบกับสามีของหล่อน และพวกเขามีลูกด้วยกัน 3 คน หล่อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ในปี 1980 และหล่อนได้ถูกฝังในชุดนอนเก่าๆของหล่อนจากไททานิค
                แดนเนียล บัคลีย์ ได้ไปฝรั่งเศสในปี 1914 เพื่อที่จะเป็นทหาร เขาได้เสียชีวิตในปี  1918  แจ๊ค ฟิลลิป ได้เสียชีวิตจากความหนาวบนเรือชูชีพ  เพื่อนของเขา ฮาโรลด์ บริจญ์  ซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าววิทยุคนที่ ได้กลับไปบ้านที่สก๊อตแลนด์  เขาพบกับภรรยาของเขาที่นั่น และพวกเขามีลูก คน เขาเสียชีวิตในปี 1956 ด้วยอายุ 66 ปี  พนักงานคนที่ ฮาโรลว์ ลาลว์ ไดเสียชีวิตในเดือนพฤษภาคม ในปี 1944 ที่เมืองเวลล์
                พนักงานคนที่ ชาร์ลลิส ไลท์โทเลอร์  มีความตื่นเต้นกับชีวิตใหม่ หลังจากไททานิค  เขาทำงานที่เรือไวท์สตาร์  หรือเรียกว่า โอเชี่ยนนิค แต่ในปี 1914 โอเชี่ยนนิค ได้จมเหมือนกัน  หลังจากนั้นเขาก็ได้ทำงานบนเรือที่ชื่อว่า ฟอลคอน แต่ฟอลคอนก็ยังจม  ในปี 1940  ด้วยอายุ 66 ปี  เขาได้ไปกับลูกชายของเขา โรจอร์ ในเรือเล็กๆของเขาที่ชื่อว่า ซันดาวเนอร์  ไปที่ดังเกริ์ก ในประเทศฝรั่งเศส ซันดาวเนอร์ ใหญ่ไม่มากมีขนาดใหญ่กว่าหนึ่งในส่วนของเรือชูชีพของไททานิค  แต่มันบรรทุกทหาร 130 คน จากบ้านเพื่อข้ามทะเลไปสู่ประเทศอังกฤษ  ชาร์ลลิส ไลท์โทเลอร์  ได้เสียชีวิตในปี 1952 ในลอนดอน ด้วยอายุ 78 ปี
                บรัซ อิซเมย์  กลับไปยังประเทศอังกฤษ และไวท์ สตาร์ ไลน์ ได้สิ้นสุด พวกเขามีเรือลำใหม่ ชื่อว่า ไบค์ทานนิค  แต่ชีวิตต่อมาของอิซเมย์ ไม่มีความสุข เขาไม่สามารถลืมไททานิคได้เลย
ไททานิคตอนที่ 11

การค้นหาไททานิค
          มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับไททานิค  ผู้ชายคนหนึ่งได้โทรหา วอลเตอร์ หลอดว์  เพื่อพูดถึงผู้โดยสารและทหารเกือบร้อย และในปี 1956 เขาได้เขียนเกี่ยวกับพวกเขาในหนังสือของเขา ชื่อว่า A night to remember ในปี 1957  มีภาพยนตร์จากหนังสือที่เรียกว่า A night to remember แอนนา ตุรจา ต้องการที่จะดูภาพยนตร์ แต่หล่อนไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ลูกชายของหลอนดูภาพยนต์กับหล่อนและเล่าเกี่ยวกับมันให้หล่อนฟัง
          แต่แอนนาไม่เข้าใจเกี่ยวกับภาพยนต์ ผู้คนเหล่านั้นกับกล้องฟิล์ม หล่อนพูดกับลูกชายของหล่อน เมื่อพวกเขาออกมาจากกล้อง พวกเขาสร้างหนังนี้เมื่อไททานิคกำลังจม ดังนั้นทำไมพวกเขาถึงไม่ช่วยทุกคนทั้งหมดที่อยู่ในน้ำ
            ในปี 1985 โรเบริต  บาวล์ลาส ได้ไปดูไททานิค ครั้งแรกบนเรือของฝรั่งเศส และจากนั้นก็ได้ดูบนเรืออเมริกา เขาพบว่าไททนิคยาว 3,810 เมตร และอยู่ใต้น้ำประมาณ 531 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะนิวฟาวน์แลนด์   ในปี 1986 และ 1987 เขาได้กลับไปกับภาพมากมายและสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับเรือใต้ทะเล
            ในปี 1987  เจมส์ คาเมรอน ได้เห็นภาพยนตร์นี้และพูดว่า ฉันต้องสร้างหนังฮอลิวู้ดที่เกี่ยวกับมัน  ในปี 1995  เขาได้ไปดูไททานิคใต้ทะเล และหาเงินเพื่อสร้างหนังเรื่องนี้ หนังของคาเมรอน ชื่อว่า ไททานิค มันแพงมาก เขาต้องการ 200 ล้านดอลลาร์ สำหรับสร้างมัน นั้นเป็น ล้านดอลลาร์สำหรับทุกนาทีของภาพยนตร์   ในภาพยนตร์ เคท  วินส์เลท หญิงสาวที่รวย พบกับ  ลีโอนาโด ดีเครพรีโอ ชายหนุ่มที่ยากจน  เมือเรือได้จม ชายหนุ่มก็เสียชีวิตต่หญิงสาวยังคงมีชีวิตอยู่  หลายๆปีต่อมา เด็กผู้หญิงก็ได้เป็นหญิงสาวที่แก่ชรา  หล่อนได้กลับไปดูเรือใต้ทะเลและเล่าเรื่องราวของหล่อน
            ไม่ใช่ทุกอย่างในภาพยนตร์ที่เป็นความจริง  แต่ส่วนใหญ่มันเป็น ในปี 1997 ผู้โดยสารส่วนใหญ่ของไททานิคเสียชีวิต แต่ผู้หญิงคนหนึ่ง มิลวิน่า ดีน ยังคงมีชีวิตอยู่ ในปี 1912  หล่อนเป็นผู้โดยสารที่มีสาวที่สุดบนไททานิค แต่ในปี 1997 หล่อนเป็นหญิงชรา หล่อนต้องการข้ามไปมหาสมุทรแอตแลนติกอีกครั้งบนเรือที่ใหญ่และเร็ว คือ คิวอี มิลวิน่า ดีน ได้ดูออกไปนอกทะเลเห็นภูเขาน้ำแข็ง และคิดเกี่ยวกับไททานิค
ฉันอยู่ที่นี่เมื่อ 85 ปีที่ผ่านมา หล่อนพูด พวกเราอยู่บนเรือที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดในโลก แต่ฉันเป็นเด็กตัวเล็กๆที่อยู่ในอ้อมแขนของแม่ของฉัน ฉันไม่สามารถจำทุกสิ่งในคืนนั้นได้ทั้งหมดจริงๆ ในวันที่ 14 เมษายน ปี 1912  เมื่อเรือที่ปลอดภัยที่สุดในโลกได้ลงไปอยู่ที่ใต้ทะเล